วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โอ๊ค


โอ๊ค

           โอ๊ค (oak) หรือ ก่อ เป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มในสกุล Quercus ( /ˈkwɜrkəs/; ภาษาละติน “oak tree”) มี 600 สปีชีส์ โอ๊คอาจจะหมายถึงพืชบางชนิดในสกุล Lithocarpusด้วย พืชสกุลนี้เป็นพืชพื้นเมืองในซีกโลกเหนือ แพร่กระจายตั้งแต่เขตที่อากาศหนาวเย็นไปจนถึงเขตร้อนในเอเชียและอเมริกา
          โอ๊คที่พบในเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ผลัดใบ สูง 10–40 m ต่างจากสกุลย่อย Quercus ที่เปลือกผลเป็นรูปถ้วย และอยู่เป็นกลุ่ม แม้จะไม่พบทุกสปีชีส์ Flora of China ได้แยก Cyclobalanopsis เป็นสกุลต่างหากแต่นักวิชาการกลุ่มอื่นจัดให้เป็นสกุลย่อยของQuercus มี 150 สปีชีส์ ซึ่งพบในญี่ปุ่นตอนใต้ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ไปจนถึงจีนตอนใต้ ทางเหนือของอินโดจีนไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัยตะวันออก
        โอ๊คเป็นไม้ประจำชาติของหลายประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของเยอรมันโบราณ (Donar Oak) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ต่อมาเป็นต้นไม้ประจำชาติของเยอรมนี กิ่งโอ๊คยังพบในเหรียญของเงิน สกุล มาร์กเยอรมัน และ ยูโร ใน พ.ศ. 2547 Arbor Day Foundation ได้เสนอให้โอ๊คเป็นต้นไม้ประจำชาติของสหรัฐ และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 สภาได้อนุมัติให้ต้นโอ๊กเป็นไม้ประจำชาติ
         ประเทศอื่น ๆ ที่ได้กำหนดให้โอ๊คเป็นไม้ประจำชาติได้แก่ อังกฤษ, เอสโทเนีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, มอลโดวา, โรมาเนีย, แลตเวีย, ลิทัวเนีย, โปแลนด์ สหรัฐอเมริกา, เวลส์, กาลิเซีย, บัลแกเรียและ เซอร์เบีย.
        ไม้โอ๊คมีความถ่วงจำเพาะประมาณ 0.75 g/cm3, ตรงและแข็ง ทนต่อแมลงและเชื้อราเนื่องจากมีแทนนินมาก จึงนิยมนำมาทำเครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่ยุคกลาง ใช้ทำถังไม้โอ๊คสำหรับหมักไวน์

Nemophila

Nemophila


         เนโมฟีลา (ละติน: Nemophila) เป็นชื่อสกุลไม้ดอกในวงศ์ Hydrophyllaceae คำว่า เนโมฟีลา มีความหมายว่า รักป่าละเมาะ (woodland loving หรือ a grove to love) มาจากคำในภาษาละตินว่า “เนมัส” (nemus) แปลว่า ป่าละเมาะ และคำในภาษากรีกว่า “ฟีลอส” (philos) แปลว่า รัก
       ไม้ส่วนใหญ่ในสกุลนี้ โดยเฉพาะชนิด N. menziesii มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า “baby blue-eyes” (นัยน์ตาสีฟ้าของทารก) ส่วนชนิด N. parviflora มีชื่อสามัญว่า “Smallflower baby blue-eyes” และชนิด N. spatulata มีชื่อสามัญว่า “Sierra baby blue-eyes” มีชนิดเดียวคือ N. maculata ที่ใช้ชื่อสามัญว่า “ไฟฟ์สปอต” (Fivespot)
        ไม้ทุกชนิดในสกุลนี้เป็นไม้ปีเดียวและส่วนใหญ่บานในฤดูใบไม้ผลิ โดยทั่วไปมีองค์ประกอบดังนี้
      1.ดอกประกอบด้วยกลีบห้ากลีบ มีสัณฐานดังระฆังหรือถ้วย มีสีม่วง ฟ้า หรือขาว บางทีก็มีแต้มหรือจุด และมีเกสรเพศผู้อยู่ในตัว
          2.ใบนั้นเลี้ยงเดี่ยว เรียงสลับและเรียงตรงกันข้าม ก้านใบมีหนาม และตัวใบมีผิวหยาบ
          3.ผลนั้นกว้างราว ๆ สองถึงเจ็ดมิลลิเมตร มีสัณฐานรีจนถึงกลม มีขน และมักมีกระเปาะหุ้ม
          4.เมล็ดนั้นกลม เรียบ แต่ยับย่นหรือบุ๋ม ที่ปลายหนึ่งมีติ่ง (appendage) ทรงกรวยไร้สีด้วย
          5.ปรกติแล้ว ไม้สกุล เนโมฟีลา โดยเฉพาะชนิด N. menziesii มักขายสำหรับใช้ทำสวน
     ไม้ชนิดต่าง ๆ ในสกุล เนโมฟีลา นั้นส่วนใหญ่เป็นไม้ประจำถิ่นของภาคตะวันตกสหรัฐอเมริกา บางชนิดพบได้ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ในภาคตะวันตกของประเทศแคนาดา และในประเทศเม็กซิโก
      ชนิด Nemophila menziesii นั้นนิยมปลูกกันแต่ในภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนีย ชนิด Nemophila heterophylla พบได้ในตอนเหนือและตอนกลางของแคลิฟอร์เนีย ส่วนชนิด N. heterophylla นั้นขึ้นอยู่มากมายในเขาแหวนที่แคลิฟอร์เนีย



วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ดอกบ๊วย (Prunus mume)


       ดอกบ๊วย (Prunus mume) ดอกจะออกในปลายฤดูหนาวและต้นฤดูใบไม้ผลิ มีหลากหลายสีอย่างสีขาว สีชมพู และสีแดง มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีนแถบแม่น้ำแยงซี ต่อมาได้กระจายสู่ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และ เวียดนาม 

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

Forget Me Not


        

Forget Me Not


       "Forget Me Not"เป็นดอกไม้ที่มีความหมายตรงตัวกับชื่อของดอกไม้เลย นั่นก็คือ อย่าลืมฉัน ซึ่งฟอร์เก็ตมีน็อตเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความรักแท้หรือความทรงจำแห่งความรัก ซึ่งที่มาของชื่อดอกไม้ก็มีความโรแมนติกเป็นอย่างมาก และเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันมานาน

        ตำนานของดอกฟอร์เก็ตมีน็อตนั้นเริ่มมาจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเรื่องเล่าของคู่รักคู่หนึ่งที่ฝ่ายชายเป็นอัศวินเสื้อเกราะและฝ่ายหญิงเป็นนางใน วันหนึ่งขณะที่อัศวินได้เดินเล่นกับหญิงสาวคนรักริมแม่น้ำ (ซึ่งบางตำนานกล่าวว่าเดินชมจันทร์ยามค่ำคืน บางตำนานกล่าวว่าเขากำลังร่ำลาหญิงคนรักเพื่อไปออกรบ)และในขณะที่ทั้ง กำลังเดินคุยกันอย่างมีความสุขนั้น หญิงสาวกลับเหลือบไปเห็นช่อดอกไม้ที่สวยงามมากอยู่ริมแม่น้ำ และด้วยความที่เธอไม่เคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้เลย พร้อมด้วยความสวยของมัน จึงทำให้หญิงสาววิงวอนขอให้อัศวินหนุ่มคนรักช่วยลงไปเก็บให้เธอ อัศวินหนุ่มจึงยอมตามใจหญิงคนรักและลงไปเก็บดอกไม้ที่ริมแม่น้ำนั้นแต่ด้วยความเทอะทะของชุดเกราะอัศวินที่ชายหนุ่มสวมใส่อยู่ ทำให้เขาเหยียบพลาดในขณะที่เขากำลังเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้ เป็นเหตุให้เขาตกลงไปในแม่น้ำและความหนักของชุดเกราะทำให้เขาไม่สารมารถที่จะว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ ขณะที่ร่างของเขาค่อยๆ จมลงไปในแม่น้ำ อัศวินหนุ่มได้โยนช่อดอกไม้ที่เด็ดได้ขึ้นมาบนฝั่งและตะโกนบอกหญิงคนรักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจมว่า ''Nem' oubliez pas'' (แปลว่า อย่าลืมฉัน หรือ forget me not) ทำให้ผู้คนต่างเรียกขานดอกไม้ชนิดนี้ว่า 'Forget Me Not'

        ตำนานนี้เป็นที่มาของชื่อ'Forget Me Not' เป็นตำนานที่โรแมนติกแฝงไว้ด้วยความเศร้า แต่ก็แสดงถึงหัวใจรักอันมั่นคงของอัศวินหนุ่มทำให้ดอกฟอร์เก็ตมีน็อตได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของรักแท้ และนิยมนำรูปของดอกไม้ชนิดนี้ไปทำเป็นการ์ดวาเลนไทน์ที่คู่รักหนุ่มสาวนิยมมอบให้แก่กัน

วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

บอนไซ



         

บอนไซ


        บอนไซคือการจำลองต้นไม้ให้เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่เราพบเห็นตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่า ต้นไม้ที่เอนลงมาจากหน้าผา ต้นไม้ที่มีพุ่มกิ่งละเอียดสวยงาม ให้สามารถปลูกในกระถางขนาดเล็ก ต้นไม้เกือบทุกชนิดที่มีใบเล็กและเป็นไม้ยืนต้น สามารถนำมาทำเป็นบอนไซได้ทั้งสิ้น
         บอนไซเป็นต้นไม้ที่ผ่านการฝึก ดัด ตัด แต่ง ให้สวยงาม ดังนั้น การดูแลบอนไซจึงเปรียบเสมือนการเลี้ยงต้นไม้ทั่ว ๆ ไป เราเพียงให้น้ำทุกวัน ให้ปุ๋ยบ้างเป็นบางครั้ง ตัดแต่งให้อยู่ทรงและเปลี่ยนดินบ้าง เพียงเท่านี้ก็สามารถชื่นชมความงามของบอนไซได้ตลอดไป หากคิดจะเลี้ยงควรสำรวจสถานที่ว่ามีแดดส่งถึงมากน้อยเพียงใด อย่างน้อยสถานที่ตั้งควรจะมีแดดส่องถึง 2-3 ชั่วโมงต่อวัน ก็เป็นการเพียงพอที่จะเริ่มเลี้ยงบอนไซแล้ว
        อายุของบอนไซ ขึ้นอยู่กับการดูแลและชนิดของพันธุ์ไม้ที่นำมาทำเป็นบอนไซ อาทิเช่น ไทร, สน, ตะโก, ชาฮกเกี้ยน, เอม และไม้ยืนต้นอีกหลายชนิด สามารถอยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปี การคัดเลือกบอนไซขึ้นอยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล หากชอบที่จะชื่นชมความงามที่จบสมบูรณ์แล้ว ก็สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการและงบประมาณ แต่หากชอบที่จะสร้างผลงานจากมือของตนเอง อาจจะเริ่มจากตอไม้ที่มีโคน หรือลำต้น รากสวย แล้วนำมาดัด ตัดแต่ง ตามรูปทรงที่เราต้องการ หรือตามรูปทรงที่เราจินตนาการ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปีขึ้นไป

Lily-of-the-valley ดอกลิลลี่แห่งหุบเขา


Lily-of-the-valley ดอกลิลลี่แห่งหุบเขา
        ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นลิลลี่แห่งหุบเขา มีพิษ เป็นดอกไม้พื้นเมือง ชอบอากาศเย็นพอสมควร หาพบได้ซีกโลกเหนือในเอเชียยุโรปและในภาคใต้เทือกเขา Appalachianในสหรัฐอเมริกา 

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

Foxglove ถุงมือหมาจิ้งจอก


Foxglove ถุงมือหมาจิ้งจอก
ดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Foxglove ชื่อภาษาไทยบัญญัติเอาไว้ว่า ดอกถุงมือหมาจิ้งจอก เป็นไม้ยืนต้นในลักษณะไม้พุ่ม มักพบในป่าทางภาคเหนือ ภาคกลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ ตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และฮาวาย ของสหรัฐอเมริกา มีขนาดความสูงตั้งแต่ 3-6 ฟุต 


ทุกส่วนของต้นไม้ชนิดนี้เป็นพิษทุกส่วนเลยค่ะ หากเผลอเอาไปรับประทาน ไม่ว่าจะดอก ต้น หรือใบ ไม่ว่าจะแห้งหรือสด สุกหรือดิบ พิษของเค้าก็จะไม่โดนทำลายไม่ว่าจะกระบวนการไหนๆ ก็ตาม อาการของการเกิดพิษเริ่มจาก ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาพร่า ชีพจรเต้นช้า หมดสติ เพ้อ กล้ามเนื้อหัวใจหดตัว จนในที่สุดอาจจะหยุดเต้นไปเลย ขอย้ำว่าตาย ค่ะ

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

Black Phap


Black Phap
เป็นกล้วยไม้ที่รู้จักกันมานานมีชื่อเรียกมากมาย เช่น รองเท้าแตะนารี รองเท้านาง รองเท้านารี เป็นต้น ทุกชื่อมีความหมายเดียวกัน คือ รองเท้าของสตรี เหตุที่ได้ชื่อว่ารองเท้านารี เนื่องจากสีดอกกลีบที่เรียกว่าปากหรือกระเป๋านั้นมีรูปร่างคล้ายกับรองเท้า กล้วยไม้สกุลนี้แต่ละพันธุ์จะมีรูปทรงและสีสันของรองเท้าหรือปากที่แตกต่างกัน